skip to Main Content

การเรียนต่อปริญญาเอก เส้นทางนี้ไม่ไกลเกินเอื้อม

การเรียนต่อปริญญาเอกในต่างประเทศนั้น เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นจากบัณฑิตปริญญาโทและนักศึกษาจบใหม่ แต่เดิมมาผู้ที่สนใจเรียนต่อระดับปริญญาเอกจะเป็นข้าราชการและอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ได้รับทุนการศึกษาของภาครัฐ เนื่องจากปัจจุบันนี้ ทั้งภาคเอกชนเริ่มให้ความสนใจว่าจ้างมหาบัญฑิตมาเป็นที่ปรึกษาโดยให้ค่าตอบแทนอย่างต่ำเป็นหลักแสน และ มหาบัญฑิต เองก็สามารถรับสอนตามมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเป็นการหารายได้เสริม จึงมีผู้คนถามถึงกันมากเรื่องค่าใช้จ่าย การสมัครเรียนว่ามีความแตกต่างจากระดับปริญญาโทไหม และจะเริ่มต้นอย่างไร ทีมงาน EFL จะขอให้ข้อมูลโดยตอบคำถามที่ถามเข้ามามากที่สุดดังนี้ค่ะ
Q การเรียนปริญญาเอกใช้เวลาเรียนกี่ปี และมีค่าใช้จ่ายต่อปีเท่าไร
Answer: ระยะเวลาในการเรียนปริญญเอกโดยทั่วไปใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 ปี โดยจะแตกต่างกันในแต่ละประเทศดังนี้
  • ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ใช้ระยะเวลา 3-4 ปี
  • ประเทศอังกฤษ ใช้ระยะเวลา  4 ปี
  • ประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ใช้ระยะเวลา  5 ปี
Q ผู้สมัครต้องมีผลภาษาอังกฤษระดับเท่าไหร่
Answer: เกณฑ์การรับสมัคร ในส่วนของระดับภาษาอังกฤษ จะไม่ต่างจากการเรียนในระดับปริญญาโท คือ IELTS 6.5 และคะแนนในแต่ละส่วน ( ทั้ง 4 ส่วน) ไม่ต่ำกว่า 6 หรือ TOEFL ibt 80, TOEFL paper based 550 or TOEFL CBT 213

Q เอกสารในการสมัครมีอะไรบ้าง
Answer: Required documents for applying Ph. D./Doctoral Degree

  1. Application form
  2. Research proposal for Ph.D. Thesis
  3. Official Transcript
  4. Copy of Passport
  5. IELTS/TOEFL Or Certificate of degree in English
  6. Other documents: Work certificate etc.
  7. Letter of Completion ใบรับรองจบ หรือ ปริญญาบัตร
  8. SOP (1 page of A4)
  9. Two letters of recommendation
  10. CV/ Resume
Q การเลือกมหาวิทยาลัยใน การเรียนต่อปริญญาเอก
Answer: การเรียนปริญญาเอกนั้น ต้องเริ่มต้น จากการที่ท่านสนใจศึกษาสาขาใด สาขาหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ถือเป็นการต่อยอดความรู้จากระดับปริญญาโท ผู้สมัครส่วนใหญ่ จึงต้องเรียนปริญญาเอกในสาขาที่จบมาโดยตรง การเปลี่ยนสายการเรียนในระดับปริญญาเอกเป็นไปได้ยาก นอกจากท่านจะมีความรู้ที่มากพอในหัวข้อที่ท่านต้องการทำวิจัยและคณะกรรมการมหาวิทยาลัยอนุมัติให้ท่านเข้าศึกษาได้ การเลือกมหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาเอกไม่ว่าจะในมหาวิทยาลัยใดในโลก จะแตกต่างจากปริญญาโทเพราะท่านไม่สามารถเลือกว่าจะเรียนหลักสูตรนั้น หลักสูตรนี้ที่เปิดสอน แต่จะเป็นการเรียนเฉพาะบุคคล คือ คนหนึ่งก็ทำวิจัยในหัวข้อของตนเองซึ่งจะไม่เหมือนใคร มหาวิทยาลัยจะจัดอาจารย์ที่ปรึกษาให้แก่ท่านเพื่อชี้แนวทางในการเรียน ซึ่งจะดูแลท่านจนจบการศึกษา ท่านจะได้รับการตอบรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 ประการ ได้แก่

  1. มหาวิทยาลัยนั้นเปิดสอนในสาขาที่ท่านต้องการทำวิจัย หรือมีความชำนาญในสาขานั้นๆ  หรือไม่
  2. มีอาจารย์ในมหาวิทยาลัยนั้นๆ สนใจในหัวข้อวิจัยของท่าน และพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้ท่าน หรือไม่

บ่อยครั้งผู้สมัครจะได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัย ที่ท่านอาจไม่ได้คาดหวัง ท่านจึงไม่ควรจำกัดตัวเองอยู่ในตัวเลือกที่แคบจนเกินไป แต่ควรเปิดใจให้กว้างและพยายาม ทำความรู้จักกับอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนที่ท่านจะทำการสมัคร

Q Ph.D. แตกต่างจาก Doctorate degree อย่างไร
Answer: Ph. D. ย่อมาจาก Doctor of Philosophy เป็นระดับการศึกษาขั้นสูงสุด ซึ่งเป็นการทำวิจัย 100% ในอดีต Ph.D. เป็นเพียงตัวเลือกเดียวของการเรียนในระดับปริญญาเอก แต่ปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยชั้นนำมากมายเปิดสอน Doctorate degrees ซึ่งเป็นระดับเดียวกันแต่มีส่วนประกอบของ Coursework หรือ การเรียนในชั้นเรียน ประมาณ 30% ( ในปีแรก) และที่เหลือเป็นการทำวิจัย

โดยการเรียน Ph.D จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หรือนักวิชาการ ส่วน Doctorate Degrees เหมาะกับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน

Q การเขียน Research Proposal เพื่อการสมัครเรียน
Answer: Research Proposal เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสมัครเรียนในระดับปริญญาเอก เป็นการบอกรายละเอียดโคลงร่างวิจัยโดยรวม อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ Research Proposal

ท่านที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อขอคำปรึกษาเราได้ที่
Education For Life Tel. 086 304 2420, 02 129 3527 Line ID: @EFLBKK


อ่านเพิ่มเติมบทความที่เกี่ยวเนื่อง คลิ๊ก
กลับสู่หน้าแรก Ph.d.
How to write a literature review
บทความแนะนำการเขียน Research Proposal


Education For Life ตัวแทนของมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ บริการฟรีทุกขั้นตอน
Tel. 086 304 2420, 02 129 3527 Line ID: @EFLBKK
สมัครเรียน สมัครหอพักของมหาวิทยาลัย จองตั๋วเครื่องบิน รถรับ-ส่งสนามบิน รวมถึงเตรียมเอกสาร
กรอกใบสมัคร On-line และทำการนัดหมายกับสถานฑูต อังกฤษ อเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ให้ฟรี